วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

ทำอย่างไร เมื่อต้องผ่าตัด

ทำอย่างไร เมื่อต้องผ่าตัด


null


คุณจะต้องรับการผ่าตัด…ประโยคนี้ ใครได้ยินคงจะเสียวสันหลัง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ถ้าเรารู้จักดูแลตนเองทั้งก่อนและหลังเข้ารับการผ่าตัด สุขภาพร่างกายของผู้ป่วยจะสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวด

เมื่อผู้ป่วยได้รับคำแนะนำจากแพทย์ว่า ควรจะได้รับการผ่าตัด ย่อมจะรู้สึกอึดอัด แม้ผู้ป่วยจะมีความลำบากจากอาการของโรคที่เป็นอยู่มากก็ตาม ส่วนใหญ่พบว่า เกิดจากความไม่รู้ว่า จะต้องเตรียมตัวอย่างไร สิ่งที่จะพบในห้องผ่าตัดมีอะไรบ้าง การปฏิบัติตัวหลังจากกลับมาจากการทำผ่าตัดและความวิตกกังวลจากผลของการรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดจะอธิบายให้ผู้ป่วยฟังก่อนที่จะทำการผ่าตัดพอสังเขป

เมื่อเข้าห้องผ่าตัดก็ยังรู้สึกใจคอหวาดหวั่นอยู่ดี เพราะผู้อยู่แวดล้อมในห้องผ่าตัด ที่มีทั้งแพทย์ผ่าตัดถึงจะเป็นคนที่เคยคุ้นหน้าตาแต่เจอในสภาพแวดล้อมใหม่ เครื่องมืออุปกรณ์ที่หน้าตาแปลกไป วิสัญญีแพทย์และบรรดาพยาบาลในห้องผ่าตัดซึ่งอาจเป็นคนใหม่ที่ไม่คุ้นหน้ากันมาก่อน รวมถึงขั้นตอน วิธีการดำเนินการผ่าตัดซึ่งถึงแม้แพทย์จะอธิบายแต่ยังไม่เห็นภาพ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการรักษา ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดความไม่มั่นใจ ดังนั้น พยาบาลจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมพลังให้ผู้ป่วยลดความวิตกกังวลและเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดได้อย่างมั่นใจ ปฏิบัติตัวเมื่อกลับมาจากห้องผ่าตัดได้อย่างถูกต้องเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนหรือภาวะไม่พึงประสงค์
ตัดสินใจก่อนยอมลงมีด

  • ผู้ป่วยมักจะได้รับคำอธิบายจากแพทย์ว่า แพทย์สามารถรู้แล้วว่าเป็นโรคอะไร รู้วิธีและเป้าหมายการผ่าตัดที่ชัดเจน บางครั้งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรแน่ มีความเป็นไปได้หลายอย่าง มีบางอย่างที่จำเป็นต้องผ่าตัดและรุนแรง ซึ่งถ้าไม่รีบการแก้ไขแล้วจะเป็นอันตราย เช่น สงสัยว่า จะมีลำไส้อุดตันต้องผ่าด้วยเหตุผลเพื่อการวินิจฉัย หรือมีไส้ติ่งอักเสบ ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด เป็นต้น ถ้าหากว่า ไม่ได้อยู่ในสถาณการณ์ที่เป็นการรีบด่วนนัก ท่านควรจะได้ถามแพทย์ว่า ถ้าผ่าตัดแพทย์จะทำอะไร ทำแล้วผลที่คาดหวังจะเป็นอย่างไร มีการรักษาวิธีอื่นหรือไม่ ที่จะให้เลือก มีข้อดีข้อเสียอย่างไร แล้วท่านจึงเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะรับการผ่าตัดหรือรักษาวิธีอื่น

เตรียมตัวก่อนผ่าตัด

ก่อนผ่าตัดศัลยแพทย์จะอธิบายกับผู้ป่วยว่า จะผ่าตัดด้วยจุดมุ่งหมายอะไร ผ่าตัดอย่างไร ที่ไหน วิธีให้ยาระงับความรู้สึกหรือยาสลบอย่างไร และการผ่าตัดเป็นแบบผู้ป่วยนอก หรือต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งสิ่งที่ควรจะเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดังนี้คือ

  • การลงนามยินยอมรับการรักษา ผู้ป่วยทุกคนที่เข้ามารับการรักษาต้องยินยอมให้ทำการรักษา การเซ็นการยินยอมเป็นเอกสารทางกฎหมายที่ยืนยันได้ว่า ผู้ป่วยได้รับการบอกกล่าวและเข้าใจทุกอย่างที่จะรับการรักษา หรือการสอดใส่อุปกรณ์บางอย่างเข้าไปตัวของผู้ป่วย รวมถึงการได้รับเลือดและส่วนประกอบของเลือดอีกด้วย ก่อนที่ผู้ป่วยจะเซ็นใบยินยอม ควรมั่นใจว่า เข้าใจทุกขั้นตอนของการผ่าตัด วิธีให้ยาระงับความรู้สึก อัตราเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นทั้งระหว่างและหลังการผ่าตัด ภาวะเสี่ยงต่อความพิการหรือการเสียชีวิต ส่วนของร่างกายที่ถูกตัดออก ปกติผู้ป่วยควรเป็นผู้ลงนามในใบยินยอมรับการรักษาด้วยตนเอง เว้น แต่อยู่ในภาวะไม่รู้สติ หรืออยู่ในภาวะที่กฎหมายไม่อนุญาต เช่น สติวิปลาส และอายุไม่ครบเกณฑ์ 18 ปี
  • การให้ประวัติความเจ็บป่วย การรักษาและการใช้ยา หรือสิ่งเสพติดอื่นๆ เช่น

  • ต้องบอกกับแพทย์ว่าเป็นโรคอะไรที่กำลังรับการรักษาอยู่ รับประทานยาอะไรเป็นประจำหรือเปล่า เช่น เป็นหืด เป็นเบาหวาน เป็นโรคเลือดออกง่าย มีจ้ำเลือดตามร่างกาย กำลังรักษาอยู่ด้วยยาอะไรบ้าง หรือนำยามาให้แพทย์/พยาบาล ถามแพทย์ว่าควรใช้ยาต่อหรือทำอย่างไร โดยเฉพาะท่านที่ใช้ยาที่มีส่วนผสมของสารต้านการแข็งตัวของเลือด หรือรับประทานสมุนไพรอะไรอยู่บ้าง ท่านเคยแพ้ยาอะไรบ้าง แพ้แล้วมีอาการอย่างไร
  • เคยผ่าตัดมาก่อนหรือไม่ ถ้าเคย เคยผ่าตัดอะไร ใช้ยาชาหรือดมยาสลบ มีผลแทรกซ้อนอะไรบ้างเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับวิสัญญีแพทย์ในการใช้วิธีการระงับความรู้สึก
  • ถ้าเคยดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่เป็นประจำ ก็ควรจะงดเว้นก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน หรือตามคำสั่งการรักษาของแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องใช้วิธีดมยาสลบ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากปอดทำงานไม่ดีซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะปอดอักเสบจากการสูดสำลัก (aspiration pneumonia) หรือ ไอมากหลังผ่าตัดซึ่งจะส่งผลให้เกิดแผลแยกในผู้ป่วยที่มีการทำผ่าตัดทางหน้าท้อง
  • ควรจะปล่อยวางเรื่องงานบางอย่างให้ลดลงช่วงก่อนและหลังผ่าตัด รักษาสุขภาพทั้งเรื่องการรับประทานอาหาร การออกกำลังกายและการพักผ่อนตามสมควร รวมทั้งการรับประทานยาบำรุงร่างกาย เช่นยาบำรุงเลือดที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
  • ถ้าเป็นการผ่าตัดใหญ่และอาจต้องเสียเลือด ไม่รีบด่วนนัก ก็ควรจะให้เลือดของตัวเองเตรียมไว้ก่อน เผื่อจำเป็นต้องได้รับเลือดทดแทนที่เสียไปจากการผ่าตัด
  • ระหว่างวันใกล้ผ่าตัดหรือก่อนการทำผ่าตัด ถ้าไม่สบายด้วยเรื่องอะไรแม้เพียงเล็กน้อย เช่น เป็นหวัด มีผื่นคัน ฯลฯ ควรบอกกับแพทย์

null


วันก่อนผ่าตัดก่อนที่ผู้ป่วยจะเข้ารับการผ่าตัด จะมีการนัดหมายมาจากโรงพยาบาล ซึ่งอาจเป็นภายในวันเดียวกันหรือวันก่อนหน้าวันผ่าตัด ซึ่งคุณจะต้องเตรียมตัว ดังนี้

  • ควรทำความสะอาดผิวหนังและร่างกายในคืนก่อนทำผ่าตัด เนื่องจากบริเวณที่จะทำผ่าตัดต้องสะอาด ควรทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาดเพื่อลดจำนวนแบคทีเรียที่ผิวหนัง อาจมีบางการผ่าตัดที่แพทย์มีคำสั่งการรักษาให้โกนขนบริเวณที่จะทำผ่าตัด
  • ควรงดดื่มน้ำและรับประทานอาหารทุกชนิด ก่อนเวลาผ่าตัดประมาณ 6-8 ช.ม. (ถ้าเผอิญคุณดื่มหรือรับประทานอาหารอะไรระหว่างช่วงเวลานี้อย่าลืมบอกแพทย์-พยาบาลด้วย) หากมียาที่จำเป็นต้องรับประทานในเช้าวันผ่าตัด เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรรับประทานยาและน้ำปริมาณเพียงเล็กน้อย เพื่อช่วยลดอาการอาเจียน หรือการสำลักอาเจียนเข้าไปในทางเดินหายใจ ลดอัตราเสี่ยงจากลำไส้อุดตัน ในรายที่ได้รับการผ่าตัดช่องท้อง จะทำให้ศัลยแพทย์มองเห็นส่วนต่างๆของลำไส้ขณะที่ทำผ่าตัด และป้องกันการปนเปื้อนของอุจาระในลำไส้ระหว่างที่ทำผ่าตัด
  • ในกรณีที่มีการทำผ่าตัดเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร รอบๆทวารหนักและอุ้งเชิงกรานอาจจะได้รับยาระบาย หรือสวนอุจจาระก่อนการทำผ่าตัด
  • คุณอาจจะได้รับการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซ์เรย์ปอด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • ไม่ควรนำของมีค่า เช่น เครื่องประดับ หรือเงินจำนวนมากติดตัวไป เนื่องจากอาจเกิดการสูญหาย ให้นำเฉพาะของใช้ส่วนตัวจริง ๆ หรืออาจให้ญาตินำมาให้ภายหลัง
  • หากท่านมีฟันปลอม หรือมีฟันผุ ฟันโยกควรแจ้งให้ศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์หรือพยาบาลทราบก่อนผ่าตัดเนื่องจากอาจเกิดฟันหลุดร่วงลงไปในลำคอระหว่างการใส่ท่อช่วยหายใจในรายที่มีการให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไป

วันที่ผ่าตัด

ในวันผ่าตัด ผู้ป่วยจำเป็นต้องเตรียมใจกับหลายอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่คุณก็สามารถตั้งรับได้ด้วยการเตรียมพร้อม

ที่หอผู้ป่วย

  • ท่านอาจได้รับน้ำเกลือเข้าเส้นเลือด และการคาสายสวนปัสสาวะตั้งแต่ที่หอผู้ป่วย หรือได้รับน้ำเกลือและคาสายสวนปัสสาวะที่ห้องผ่าตัด

ที่ห้องผ่าตัด

  • วิธีการให้ยาระงับความรู้สึก การใช้วิธีไม่ให้คนไข้ปวดมีหลายวิธีที่แพทย์จะเลือกใช้ตามความเหมาะสมแล้วแต่อวัยวะที่จะผ่าตัด เช่น ผ่าตัดเล็กน้อย เช่น ผ่าฝีที่ผิวหนัง, ผ่าถุงน้ำที่ผิวหนัง ก็ใช้แค่ยาชาฉีดเฉพาะที่จะผ่าตัด
    แต่ถ้าเป็นการผ่าตัดใหญ่ เช่น กระดูกแขน ขาหัก ก็จะต้อง block เส้นประสาทด้วยยาชาให้มีส่วนที่ชาเป็นพื้นที่กว้าง ถ้าผ่าตัดเกี่ยวกับช่องท้อง ศีรษะ หรือหลาย ๆ อวัยวะในคราวเดียวกัน ก็ใช้วิธีดมยาสลบ การ block หลังก็เป็นการใช้ยาชาเฉพาะส่วนอย่างหนึ่ง เพื่อให้ส่วนล่างของร่างกายไม่รู้สึกเจ็บ เช่น การผ่าตัดไส้ติ่ง
  • เครื่องมือและอุปกรณ์ ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไป คุณจะได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจผ่านทางปาก โดยฉีดยานำสลบและยาคลายกล้ามเนื้อ จากนั้นวิสัญญีแพทย์จะสอดท่อช่วยหายใจเข้าทางปากเพื่อใส่ลงไปในหลอดลม และเมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้น วิสัญญีแพทย์จะถอดท่อช่วยหายใจออก ซึ่งท่อช่วยหายใจและยาคลายกล้ามเนื้อจะส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บคอ หรือระคายคอ มีเสมหะ ภายหลังจากการผ่าตัด

หลังจากที่คุณหมอผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยควรจะดูแลตนเองอย่างไร เอาเป็นว่า คงต้องติดตามกัันต่อในตอนจบของ “ทำอย่างไร เมื่อต้องผ่าตัด” ที่จะทำให้คุณฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

null


ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

การสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต


การสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต

                การสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตสามารถทำได้หลายทางด้วยกัน ดังนี้
1.  จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)
                เป็นการสื่อสารที่นิยมใช้กันมาก เนื่องจากผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าจะอยู่ในที่ทำงานเดียวกันหรืออยู่ห่างกันคนละมุมโลกก็ตาม นอกจากนี้ยังสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยมากเพียงเท่ากับค่าโทรศัพท์เท่านั้น

2.  การสืบค้นข้อมูลแบบเครือข่ายใยแมงมุม (World Wide Web: www.)
                เป็นการสื่อสารที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในอินเตอร์เน็ต ด้วยเหตุผลที่สำคัญคือง่ายต่อการใช้งานและสามารถนำเสนอข้อมูลแบบกราฟิกได้ การใช้ World Wide Web เปรียบเสมือนการเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด โดยหนังสือที่มีให้อ่านจะสมบูรณ์มากกว่าหนังสือทั่วไป เพราะสามารถฟังเสียงและดูภาพเคลื่อนไหวประกอบได้ นอกจากนี้ยังสามารถโต้ตอบกับผู้อ่านได้ด้วย ข้อมูลต่างๆ จะมีการเชื่อมโยงถึงกันได้ด้วยคุณสมบัติของ Hypertext Link
                การที่จะเข้าไปอ่านข้อมูลเหล่านี้ได้ ผู้ใช้จะต้องมี Web Browser ซึ่งนิยมใช้กันในขณะนี้ได้แก่ Netscape Navigator และ Internet Explorer ปัจจุบันได้มีการประยุกต์กิจกรรมอื่นไว้ภายใน World Wide Web ด้วย อาทิ การโฆษณากิจกรรม รวมถึงความบันเทิงต่างๆ เช่น การดูหนังฟังเพลง และชมรายการต่างๆ ทางสถานีโทรทัศน์
เช่น    www.yahoo.com











3.  การโอนย้ายข้อมูล (File Transfer Protocol: FTP)
                เป็นการสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้กันมากพอสมควรในอินเตอร์เน็ต โดยอาจใช้เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลรวมถึงโปรแกรมต่างๆ จากแหล่งข้อมูลทั้งหลายมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้งานอยู่ ปัจจุบันมีหน่วยงานหลายแห่งที่กำหนดให้ Server ของตนทำหน้าที่เป็น FTP Site เก็บรวบรวมข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ สำหรับให้บริการ
                การเข้าไปขอถ่ายโอนข้อมูลนั้น ผู้ใช้ต้องทราบชื่อเครื่องที่ตั้งเป็น FTP Server และสิทธิที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำ FTP

4.  การแลกเปลี่ยนข่าวสาร (Usenet)
                มีที่มาจากกระดานประกาศข่าว หรือ Bulletin Board กล่าวคือ ผู้ที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน จะรวมกลุ่มกันตั้งเป็นกลุ่มข่าวของแต่ละประเภท เมื่อมีข้อมูลใหม่ที่จะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกผู้อื่น หรือมีปัญหาหรือคำถามที่ต้องการความช่วยเหลือหรือคำตอบ ผู้นั้นก็จะส่งข้อมูลของตนเข้าไปติดประกาศไว้ในอินเตอร์เน็ต โดยเครื่องที่ทำหน้าที่ติดประกาศคือ News Server เมื่อสมาชิกอื่นอ่านพบ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีบางอย่างไม่ถูกต้อง หรือมีคำตอบที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ได้ สมาชิกเหล่านั้นก็จะส่งข้อมูลตอบกลับไปติดประกาศไว้เช่นกัน

5.  การเข้าใช้เครื่องระยะไกล (Telenet)
                เป็นการขอเข้าไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตจากระยะไกล โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องไปนั่งอยู่หน้าเครื่องนั้น เครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนี้อาจอยู่ภายในสถานที่เดียวกับผู้ใช้ หรืออยู่ห่างกันคนละทวีปก็ได้ แต่ทั้งนี้ผู้ใช้ต้องมี account และรหัสผ่านจึงจะสามารถเข้าใช้เครื่องดังกล่าวได้ ส่วนคำสั่งในการทำงานนั้นขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการของเครื่องที่เข้าไปขอใช้

6.  การสนทนาผ่านเครือข่าย (Talk หรือ Chat)
                เป็นการติดต่อสื่อสารแบบ ทาง คือ สามารถสื่อสารโต้ตอบกันได้ทันทีเหมือนการใช้โทรศัพท์ สามารถทำได้ทั้งแบบ Text-based และ Voice-based โปรแกรมที่นิยมใช้คือ Talk ซึ่งเป็นการพิมพ์โต้ตอบระหว่างคนสองคน Internet phoneเป็นการคุยกันด้วยเสียงแบบเดียวกับโทรศัพท์ และ IRC (Internet Relay Chat)


7.  บริการส่งข้อความทางอินเตอร์เน็ต
                เป็นการส่งข้อความในรูปแบบของข้อความสั้นๆ (Short Message) ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตให้ส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์สื่อสารประเภทไร้สาย ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือเพจเจอร์ เป็นต้น

8.  Remote Login
                เป็นบริการที่ผู้ใช้สามารถติดต่อผ่าน Telenet เข้ากับคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกล และคอมพิวเตอร์นั้นค้นหาสารสนเทศ แหล่งบริการสารสนเทศ เช่น รายการบัตรของห้องสมุด (Online Public Access Catalog: OPAC) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลทรัพยากรสารสนเทศที่ห้องสมุดแต่ละแห่งทั่วโลกจัดทำขึ้น และเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย
                                            **************************************

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

กฎหมายธูรก รรมทางอิเล็กทรอนิกส์

กฎหมาย คืออะไร
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 กำหนดคำนิยามความหมายของคำว่า กฎหมาย ไว้ว่า
กฎหมาย กฎ. น. กฎ ที่สถาบัน หรือ ผู้มีอํานาจสูงสุดในรัฐ ตราขึ้น หรือ ที่เกิดขึ้นจาก จารีตประเพณี อันเป็นที่ยอมรับนับถือ เพื่อ ใช้ในการบริหารประเทศ เพื่อ ใช้บังคับบุคคลให้ปฏิบัติตาม หรือ เพื่อกําหนดระเบียบแห่งความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หรือ ระหว่างบุคคลกับรัฐ
กฎหมายคืออะไรเป็นปัญหาที่ได้รับการถกเถียงกันมาตั้งแต่โบราณจวบจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เป็นที่ยุติ ทั้งนี้เพราะการให้ความหมายของคำว่า "กฎหมายแตกต่างไปตามแต่ว่าผู้ให้ความหมายนั้นมีแนวความคิดทางกฎหมายอย่างไร แต่ไม่ว่าสำนักความคิดใดหรือนักกฎหมายใดจะให้ความหมายของกฎหมายเป็นอย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่ยอมรับตรงกันว่า กฎหมายสามารถจำแนกลักษณะได้ 4 ประการ"
1. กฎหมายต้องมีลักษณะเป็นเกณฑ์
2. กฎหมายต้องกำหนดความประพฤติของบุคคล
3. กฎหมายต้องมีสภาพบังคับ
4. กฎหมายต้องมีกระบวนการบังคับที่เป็นกิจลักษณะ




ดูได้ที่นี้ http://www.2ebook.com/free/readflash/index.php

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มาดูๆ สาวพยาบาลหน้าตาเป่งอย่างไร? อิอิ+


                                                                  คนๆนี้ ชื่อเมย์ นะ  
                                                            เรียนสาขา พยาบาลศาสตร์ 
                                                                         ที่ SSRU 

                                                 Facebook PAGE  :  Pawinee  Seesiw

                                  http://www.facebook.com/pages/Pawinee-Seesiw/225975094120096











บล็อกนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทำเป็นงานส่งอาจารย์ 
โปรด แสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพด้วยนะคร่า
+^_^+